วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พระพุทธเจ้า เห็นอะไร รู้อะไร

พระพุทธเจ้าเห็น รู้ ความจริงของธรรมชาติ และรู้ ความเห็นรู้ ที่ไปเห็นรู้ความจริงของธรรมชาตินั้น หมายความว่าพระพุทธเจ้าท่านเห็นความสามัญของธรรมชาติ รู้ความสามัญของการเห็นธรรมชาติ ในกาละเทศะ ต่อหนึ่งธรรมชาติ ชีวิตหน้าที่จึงได้ดำเนินไปโดย ความ บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สะอาด สว่าง สงบ อยู่จบแห่งพรหมจรรย์ เมื่อชีวิตยังอยู่ก็ทำหน้าที่ อย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ กับสิ่งที่เกี่ยวคล้อง โดยปราศจากทุกข์ สุข มีแต่ความสงบสันติ

ธรรมชาติอะไรที่พระพุทธเจ้าที่ท่านเห็น คือ

· เห็นธรรมชาติที่สังเคราะห์กันขึ้น (สังขตธรรม)

· เห็นธรรมชาติที่ไม่สังเคราะห์ (อสังขตธรรม)

· เห็นธรรมชาติของความเห็น

· เห็นธรรมชาติของสิ่งที่ถูกเห็น

· เห็นธรรมชาติของสิ่งที่ถูกรู้

· เห็นธรรมชาติของความรู้

· เห็นธรรมชาติของเหตุ

· เห็นธรรมชาติของปัจจัย

· เห็นธรรมชาติของปัจจัยต่อปัจจัยสังเคราะห์กัน (สังขาร)

· เห็นความเป็นธาตุ 20 สังขตธาตุ อสังขตธาตุ 2 6*3 = 18 +2 = 20

· เห็นความเป็นธรรม 1 เอกวัจณ

1. รู้สภาวธรรม-ธาตุ-(ทุกขอริยสัจ)

2. รู้สัจธรรม-ขบวนการ-(ทุกขสมุทัยอริยสัจ)

3. รู้ปฏิบัติธรรม –หน้าที่-(ทุกขนิโรธอริยสัจ)

4. รู้ปฏิเวธธรรม-ปรากฏการ-(ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)

นี้คือสิ่งที่ถูกรู้ รู้ความเป็นไปของธรรมชาตินั้นคือวิชชา รู้ความจริง 4 อย่างครบถ้วนของธรรมชาตินั้นคือปัญญา เมื่อปัญญาปรากฏก็มี ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นวิธีการ 3 อย่าง ทำหน้าที่นั้นๆ ก็ปรากฏวิถีทางที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ต่อกิจกรรมนั้นๆ การปรากฏของทำหน้าที่ๆบริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นสุดลงโดยความสงบสันติ คือนิพพาน ไม่มีอะไรมาปรุงแต่งได้อีก (อตัมยตา)

· ได้อุบัติขึ้นมาก็มีหน้าที่ต่อสิ่งต่าง

· จงเห็นรู้ธรรมชาติอย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ ในการอุบัติมา ณ ครั้งนี้

· ทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ในการที่อุบัติมา ณ ครั้งนี้

· ความสงบสันติก็ปรากฏกับชีวิตใน ขณะนั้น

· นิพพาน ณ ขณะนั้น

สรุป พระพุทธเจ้าท่าน เห็นรู้สัจจะ 4 อย่างของธรรมชาติที่สังขารกันขึ้นโดยเป็นวิชชาที่ปรากฏของการทำหน้าที่โดยมีวิธีการทำหน้าที่ 3 อย่างคือ (ไตรสิกขา)

1. ศีล- เห็นความสามัญ คิดโดยความสามัญ (สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัป)

2. สมาธิ –บริสุทธิ์ ชัดเจนมั่นคง ว่องไว (สัมมาวาจา สัมมากัมต สัมมาอาชีว สัมมาวายาม)

3. ปัญญา-รู้คบถ้วนในกองสังขารนั้น (สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)

เมื่อทำหน้าที่โดยวิธีการ 3 อย่าง การทำหน้าที่ก็จะดำเนินไปโดยความบริสุทธิ์บริบูรณ์ องค์ 8 ประการ

1. เห็นความสามัญ (สัมมาทิฏฐิ)

2. คิดโดยความสามัญ (สัมมาสังกัป)

3. จาจาสัจจะ (สัมมาวาจา)

4. กระทำโดยไม่มีผู้กระทำ (สัมมากัมมันต)

5. ดำรงค์ชีวโดยความสามัญ (สัมมาอาชีว)

6. ดำเนินไปโดยความสามัญของหน้าที่นั้น (สัมมาวายาม)

7. รู้กิจนั้น (สัมมาสติ)

8. รู้กิจอย่างบริสุทธิ์ อย่างชัดเจนมันคง มีความว่องไว (บริสุทโธ สมาหิโต กัมนีโย) ( สัมมาสมาธิ)

สงบสันติ (นิโรธคามินีมัชฌิมปฏิปทา)

ท่านอาจารย์พุทธทาสเห็นรู้อะไร

พุทธทาสภิกขุ ไปเห็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเห็น คือ

1. เห็นธรรมชาติ

2. เห็นกฎของธรรมชาติ

3. เห็นหน้าของธรรมชาติ

4. เห็นผลจากการทำหน้าที่ๆธรรมชาติมีให้ทำ

· การเห็นธรรมเห็นธาตุ จึงทำให้เจ้าฟ้าชาย สิตธัตถเป็นรพระพุทธเจ้า

· เห็นว่า ธรรมมะก็คือพุทธะ จึงได้ประกาศให้เป็นทาสของพุทธะทำหน้าที่ประกาศพรหมจรรย์ (อาทิกัลยาณัง) เริ่มต้นก็งาม (มัชเฌกัลยาณัง) ให้งามในความบริสุทธิ์บริบูรณ์ (ปริโยสานกัลป์ยาณัง) จบลงคบถ้วนด้วยความงาม

1. เห็นตถตา ความเป็นเช่นนั้น

2. เห็นอวิตถตา ไม่ผิดไปจากความเป็นเช่นนั้น

3. เห็นอนัญญถตา ความไม่เป็นอย่างอื่น

4. เห็นอิทัปปัจจยตา ความมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

5. เห็นธัมมฐิถตา การตั้งอยู่ตามธรรมชาติ

6. เห็รธัมมนิยามตา ความเป็นฏกธรรมชาติ

7. เห็นสุณณตา ความเป็นของว่าง

8. อนัตตตา ความไม่ใช่ตัวตน

9. อตัมยตา ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้

ความเป็นพุทธทาสจึงได้ปรากฏขึ้น ณ สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี

ไอน์สไตน์ เห็นอะไร

ไอน์สไตน์เห็น กาละกับเทศะ เวลาว่ามีผลต่อมวล ความเร็วมากขึ้น มวลลดลง สูตรก็คือ E=mcยกกำลัง2 ไอน์สไตน์เห็นทฤษฎีสัมพันธ์ คืออิทัปปัจจยตา ไอน์สไตน์เห็น

1. เห็นความเป็นธาตุของสสาร

2. เห็นโพรเสส(Process)ของสสาร

3. เห็นปฏิกิริยาของสสาร

4. เห็นปรากฏการของการทำปฏิกิริยาของสสาร

ไอน์สไตน์ไม่เห็นไม่รู้

· ไม่รู้ วิญญาญธาตุ

· ไม่รู้ จิตตธาตุ

· ไม่รู้ ทิฏฐิธาตุ

· ไม่รู้ อชิชชาธาตุ

· ไม่รู้ วิชชาธาตุ

· ไม่เห็น อารมณ์ 5 อย่าง (เบญจขันธ์)

· ไม่เห็น รูปธาตุ

· ไม่เห็น เวทนาธาตุ

· ไม่เห็น สัญญาธาตุ

· ไม่เห็น สังขารธาตุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น